ปัจจุบันผู้ป่วยสามารถแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียง เพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตตน หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วยได้แล้ว โดยมีกฎหมายที่รองรับ ดังนี้
พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550
หมวดที่ 1 สิทธิและหน้าที่ด้านสุขภาพ
มาตรา 12 บุคคล มีสิทธิทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียง เพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตตน หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วยได้
ข้อดี
(1) การรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้ายหลายกรณีไม่เกิดประโยชน์แก่ผู้ป่วย อาจทำให้ผู้ป่วยได้รับความทุกข์ทรมานจากการใช้เครื่องกู้ชีพต่างๆ เช่น การเจาะคอใส่ท่อช่วยหายใจ การปั๊มหัวใจ หรือการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยยืดการตายออกไป แต่ไม่ทำให้คุณภาพชีวิตผู้ป่วยดีขึ้น
(2) ผู้ป่วยไม่ถูกทอดทิ้ง ยังคงได้รับการดูแลจากแพทย์ พยาบาล เพื่อให้ได้รับความสบาย จนเสียชีวิตลงอย่างสงบตามธรรมชาติ
(3) ผู้ป่วยที่โอกาสสื่อสารกับคนอื่นได้ในขณะมีสติสัมปชัญญะ เช่น การล่ำลากับคนในครอบครัว ญาติมิตรได้ หรือเลือกที่จะเสียชีวิตที่บ้านตามที่ผู้ป่วยต้องการ
(4) ผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงมาก จนทำให้ผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยบางรายถึงขั้นหมดเนื้อหมดตัว ต้องขายทรัพย์สิน เงินทองมาเป็นค่ารักษา โดยที่ผู้ป่วยมีความหวังน้อยหรือแทบจะไม่มีโอกาสฟื้นคืนสติสัมปชัญญะ หรือพ้นจากวาระสุดท้ายของชีวิตได้เลย
(5) โรงพยาบาลสามารถให้การดูแลผู้ป่วยอื่นๆ ที่ยังมีความหวัง หรือมีโอกาสที่จะรักษาได้อย่างเพียงพอ ไม่เป็นการใช้ทรัพยากรในการบริการสาธารณสุขที่สูญเปล่า เพราะมีจำนวนเตียงที่พอในการให้บริการผู้ป่วยทั่วไป
ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดประกาศตามไฟล์แนบ